‘ราชวงศ์โครยอ’ ที่มาของชื่อ ‘โคเรีย(Korea)’ ตำนานการปกครองดินแดนเกาหลีกว่า 400 ปี

by thiaopaithua
0 comment
ราชวงศ์โครยอ

‘ราชวงศ์โครยอ’ ที่มาของชื่อ ‘โคเรีย(Korea)’ ตำนานการปกครองดินแดนเกาหลีกว่า 400 ปี

หลายคนอาจจะยังไม่รู้จัก ราชวงศ์โครยอ เพราะ ประวัติศาสตร์โบราณอันยาวนาน ของเกาหลีที่หลายคนคุ้นหูคุ้นตากันก็คือ ‘ราชวงศ์โชซอน’ ราชวงศ์สุดท้ายของเกาหลี อันเป็นต้นฉบับอ้างอิงประวัติศาสตร์ของซีรี่ย์เกาหลีพีเรียดย้อนยุคหลายต่อหลายเรื่อง แต่ยังมีอีกหนึ่งราชวงศ์ที่สำคัญก่อนการก่อตั้งราชวงศ์โชซอน นั้นคือ ราชวงศ์โครยอ อันเป็นที่มาของคำว่า ‘โคเรีย (Korea)’ หรือที่เราเรียกว่า เกาหลี ในปัจจุบัน  วันนี้ เที่ยวไปทั่ว จะพามาดูความเป้นมาของราชวงศ์กัน

ความเป็นมาของราชวงศ์โครยอก่อนจะมาเป็นอาณาจักโชซอน

ก่อนจะกำเนิดเป็นอาณาจักรโชซอนอันเก่าแก่ เรียกได้ว่าตั้งแต่ยุคสำริดและยุคเหล็กของเกาหลีนั้น มีเรื่องเล่าหลายต่อหลายอย่างแต่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนที่ตรงกันหลายแห่งว่ายุคสมัยแรกของเกาหลี คือ โคโชซอน หรือ อาณาจักรโชซอนโบราณ (고조선) ก่อตั้งโดยกษัตริย์์ลำดับแรกคือทันกุนวังกย็อม ในปี 2333 ก่อนคริสต์ศักราช แม้จะปกครองมาอย่างยาวนานก็ได้ตกเป็นเมืองขึ้นของจีนในยุคราชวงศ์ฮั่นเนื่องจากการแผ่กระจายอำนาจลงมาที่คาบสมุทรเกาหลีทำให้เกิดการแบ่งแยกราชอาณาจักรเป็น 3 อาณาจักรใหญ่ ได้แก่ 

  1. อาณาจักรโคกูรยอ 
  2. อาณาจักร์แพ็คเจ 
  3. อาณาจักรชิลลา 

(มีอ้างอิงในซีรี่ย์ดังเรื่อง Moon Lover: Scarlet Heart Ryeo ข้ามมิติ ลิขิตสววรค์ด้วยนะ) และแน่นอนในยุคสมัยโบราณแต่ละอาณาจักรจะอยู่อย่างเท่าเทียมไม่ได้ จึงเกิดสงครามการแก่งแย่งอำนาจเพื่อขึ้นเป็นใหญ่ แต่ด้วยความเก่งกาจของพระเจ้ามุนมูจักรพรรดิแห่งอาณาจักรชิลลาได้เข้าไปตีและรวบรวม 3 อาณาจักรให้กายเป็นหนึ่งเดียว กำเนิดเป็นยุค ‘อาณาจักรเหนือใต้’ แม้ว่าจะรวบรวมถึง 3 อาณาจักรใหญ่นั้นก็สามารถปกครองได้แค่ทางตอนใต้ ส่วนทางตอนเหนือนั้นจึงได้กำเนิดอาณาจักรพัลแฮ (발해) แม้จะเก่งกาจแต่ก็สามารถเสื่อมถอยอำนาจได้เช่นกันของยุคการปกครองของอาณาจักรชิลลาได้สิ้นสุดลงอาณาจักรโคกูรยอและอาณาแพ็คเจได้รวมตัวกันเพื่อกอบกู้เอกราชนำอำนาจกลับคืนสู่ตนซึ่งทำสำเร็จ อาณาจักรของเกาหลีจึงกลับมาแตกเป็น 3 อาณาจักรอีกครั้ง เกิดเป็นยุค ‘อาณาจักรใหม่’ แต่หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า ‘ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย’ กันใช่ไหมคะ ก็ไม่เกินจริงสักเท่าไหร่มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตสุดเจ๋งที่เรียนรู้จากประวัติศาสตร์เพื่อแก้ไขปัจจุบันให้ดีขึ้น แบบแผนของการรวมอำนาจและตั้งตนเป็นใหญ่จากชิลลาจึงกลับมาอีกครั้ง ในครั้งนี้กลับไม่ใช่ชิลลาที่ลุกขึ้นมายึดอำนาจได้สำเร็จ เปิดหน้าตำนานแห่งประวัติศาสตร์เกาหลีใหม่อาณาจักรโคกูรยอใหม่หรือราชวงศ์โครยอนั่นเอง !!! 

อาณาจักรโครยอ

ตั้งแต่ช่วงประมาณคริสต์ศักราชที่ 918 – 1392 ซึ่งตรงกับยุคของอาณาจักรละโว้ อาณาจักรสุโขทัย จนถึงอาณาอยุธยาของไทย พลิกหน้าประวัติศาสต์การกำเนิดอาณาจักรที่ถือว่าเคยยิ่งใหญ่มากในยุคโบราณของเกาหลี โครยอนั้นได้มีคุงเยเป็นกษัตริย์ลำดับแรก การปกครองดำเนินมาอย่างต่อเนื่องสู่จุดพีคในการโค่นล้มราชวงศ์ ซึ่งในขณะนั้นเกิดข่าวลือว่าพระเจ้าคุงเยเกิดอาการประสาทหลอน ทำให้อ่อนแอในการดูแลบ้านเมือง และในช่วงนั้นก็ยังปกครองแบบเผด็จการ ใช้ทรัพย์สินอย่างสุรุยสุร่าย ทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ขุนนางและประชาชนจำนวนมาก ดังนั้นวังกอน (왕건) แม่ทัพผู้มาจากอาชีพพ่อค้าชาวโครยอผู้มีความชำนาญทางทะเลมากฝีมือข้างกายพระเจ้าคุงเยในตอนนั้นจึงได้รวบรวมขุนนางและตกลงร่วมมือกับขุนนางทหารชินซุงคยอมเพื่อทำการล้มอำนาจ จนท้ายที่สุดถูกสถาปนาขึ้นเป็นกษัตริย์ ‘แทโจ (태조)’ ไม่รอช้าก็ได้ตั้งราชอาณาจักร ‘โครยอ’ และนี่คือที่มาของชื่อ ‘โคเรีย’ (Korea) ที่เราทราบและได้ยินกันในปัจจุบันนั่นเอง! 

ราชวงศ์โครยอได้ผ่านศึกสงครามมาอย่างยากลำบากเพื่อรักษาดินแดนและอำนาจของความเป็นเกาหลีไว้ แต่เส้นทางก็ไม่ได้โรยด้วยกีบกุหลาบอย่างไรก็อย่างนั้นเมื่อภายในอ่อนแอจึงถูกยึดอำนาจจากผู้ที่แข็งแกร่งกว่านั่นคือมองโกลแห่งราชวงศ์หยวนได้เข้ามาปกครองและยึดโครยอเป็นประเทศราชของตนเองราวๆประมาณ 80 ปี  ซึ่งต่อมารััชสมัยพระเจ้าคงมินได้ทรงปลดแอกอาณาจักรโครยอจนสำเร็จ แม้จะเคยตกเป็นรัฐบรรณาการถึงอย่างนั้นโครยอก็ยังสามารถปกครองดินแดนเกาหลีมาอย่างยาวนานเกือบ 400 ปี ก่อนรัชสมัยพระเจ้าคงยาง พระราชาองค์ที่ 34 และองค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์โครยอ ที่นายพลลีซองกเยจะบังคับให้สละราชบัลลังก์แล้วปราบดาภิเษกตนเองเป็นกษัตริย์ราชวงศ์ใหม่ซะเอง นั่นคือ พระเจ้าแทโจแห่งราชวงศ์โชซอน เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย : ราชวงศ์โครยอ นั่นขึ้นชื่อเรื่องความหลากหลายทางความเชื่อ เป็นอย่างมาก หลังจากที่วังกอน หรือจักรพรรดิแทโจได้ก่อตั้ง ราชอาณาจักรโครยอได้ทรงประกาศพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำอาณาจักรอย่างเป็นทางการให้ประชาชนได้รับทราบ จึงมักจะมีหลายคนเข้าใจว่าประชาชนจำนวนมากนับถือศาสนาพุทธ แต่ในยุคนั้นมิได้มีการปิดกั้นหรือบีบบังคับการนับถือศาสนาแต่อย่างใด (ชั่งอิสระเป็นอย่างมากเลยเจ้าค่ะ) มีการเปิดกว้างปรัชญาไม่ว่าจะเป็นปรัชญาขงจื๊อ ปรัชญาเต๋า และศาสนาอื่น ๆ อีกทั้งยังเปิดกว้างเรื่องความเชื่อในคำทำนายให้เข้ามามีบทบาทในพิธีต่าง ๆ อีกด้วย แนวคิดอันหลากหลายที่สนับสนุนให้เกื้อกูลกันถือเป็นความพิเศษของโครยอเลยก็ว่าได้

You may also like

Leave a Comment